5 อันดับ คาร์ซีท รุ่นไหนดี อัพเดทล่าสุดปี 2567

ซื้อทุกอย่างที่ร้านออนไลน์ สินค้าดีๆ มากมายรอให้คุณเลือก พร้อมโปรโมชั่นอีกเพียบ สินค้าหลากหลายประเภท ยกทัพมาลดราคา ถูกกว่านี้ไม่มีแล้ว ช้อปง่ายและสะดวก ช้อปปิ้งออนไลน์ ตลาดขายของออนไลน์ บริการ: ซื้อของออนไลน์ ส่งทั่วไทย, โปรโมชั่นเพียบ
วันนี้ถ้าหากท่านสนใจ ราคาถูกมาก เราแนะนำเลยเจ้านี้ คาร์ซีท  สินค้าทางอินเตอร์เน็ต  ราคาพิเศษส่งให้คุณลูกค้าถึงหน้าบ้าน สั่ง คาร์ซีท  ไป ราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาน่าจะลดลง ซื้อเลย สินค้าไม่เสียหาย มีคุณภาพ ส่งไว ของพรีเมี่ยม ได้รับสินค้าแล้วดีใจมาก ตรงตามต้องการในรุป ไม่มีปัญหา

     
คุณรู้หรือไม่? การเลือกซื้อคาร์ซีทแต่ละชนิดนั้นมีทั้ง คาร์ซีท นอกจากจะพิจารณาเรื่องของการใช้งานไม่ว่าจะเป็น งบประมาณ คุณภาพ ความทนทาน ชื่อเสียงของแต่ละรุ่นแล้ว ยังควรพิจารณาในเรื่องของพื้นที่ในการจัดวางและพื้นที่ใช้สอยในคาร์ซีทอีกด้วย โดยวันนี้เราได้จัดอันดับ คาร์ซีทแบบที่มีคุณภาพดีมีประสิทธิภาพมาให้คุณได้เลือกกันแล้ว ดังนี้

คาร์ซีท (Car Seat) เป็นอุปกรณ์เสริมในรถยนต์ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็ก แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้บางครอบครัวเข้าใจว่าเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ต้องมีก็ได้ แค่ให้เด็กนั่งกับแม่แล้วให้แม่อุ้มก็เพียงพอแล้ว ทั้งที่จริงแล้วนั่นเป็นความเข้าใจผิด เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น คาร์ซีทก็จะมีบทบาทสำคัญที่ช่วยป้องกันการบาดเจ็บของลูก ๆ จากการถูกกระแทกด้วยของแข็งรอบตัวได้ อีกทั้งในปัจจุบันก็มีสื่อจำนวนไม่น้อยที่ออกมาพิสูจน์ว่า การให้เด็กนั่งคาร์ซีทสามารถเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กได้จริง นอกจากนี้ในต่างประเทศอีกหลาย ๆ ประเทศ ถึงขั้นมีการออกกฏหมายให้เด็กต้องนั่งคาร์ซีททุกครั้ง มาบังคับใช้กันอย่างจริงจังเลยทีเดียว

และถึงแม้ว่าในไทยยังไม่มีตัวกฏหมายออกมาบังคับชัดเจน แต่ก็มีการรณรงค์ให้เห็นกันอยู่ไม่น้อย ดังนั้น เมื่อเหล่าคุณพ่อคุณแม่ได้รู้เช่นนี้แล้ว หลายคนก็คงจะเริ่มสนใจซื้อคาร์ซีทสักชุด มาไว้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยกันแล้วใช่ไหมล่ะคะ ว่าแต่คาร์ซีทที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง มีวิธีเลือกอย่างไรให้เหมาะสม? ซึ่งคำตอบทั้งหมด ทางทีมงานก็ได้รวบรวมมาให้ในครั้งนี้แล้ว แถมในตอนท้ายเรายังมี 10 อันดับคาร์ซีทยอดฮิต มาแนะนำเพื่อเป็นทางเลือกในการพิจารณายี่ห้อและรุ่นให้คุณผู้อ่านอีกด้วย

คาร์ซีท (Car Seat) คือที่นั่งติดรถยนต์สำหรับเด็ก ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับขนาดตัวของเด็กแต่ละช่วงวัย โดยมีจุดประสงค์เน้นไปทางการรัดเข็มขัดตามลักษณะทางสรีระวิทยาของเด็ก เนื่องจากบางคนยังมีความคิดว่าใช้เข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถก็เพียงพอแล้วสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งที่จริงแล้วนั้นเข็มขัดนิรภัยถูกออกแบบมาสำหรับเด็กที่มีส่วนสูงมากกว่า 140 cm ขึ้นไป ดังนั้นเด็กที่มีส่วนสูงต่ำกว่านี้จึงต้องมีอุปกรณ์พิเศษที่มาแทนที่การใช้เข็มขัดในรถยนต์ทั่วไป เพื่อช่วยป้องกันและลดแรงกระแทกหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุบนท้องถนนนั่นเอง

ในต่างประเทศกำหนดไว้ในกฎหมายเลยว่า เด็กต้องนั่งคาร์ซีทจนถึงอายุ 6 ปีด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่สำหรับประเทศไทย แม้ว่าจะไม่ได้บังคับใช้คาร์ซีทอย่างเคร่งครัด แต่ก็มีกฎหมายลักษณะใกล้เคียงที่บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า "ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านข้างคนขับต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย" รวมถึงมีการรณรงค์ให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจถึงประโยชน์และตระหนักถึงความปลอดภัยของลูก ๆ มากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ด้วยความที่จุดประสงค์หลักของคาร์ซีทคือการป้องกันอันตรายให้กับเด็ก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องมั่นใจว่าคาร์ซีทที่คุณกำลังพิจารณาอยู่นั้นทำจากวัสดุที่สามารถ Support หรือปกป้องส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเด็กจากแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะบริเวณศีรษะ ลำคอและกระดูกสันหลังค่ะ

เนื่องจากเข็มขัดนิรภัยส่วนมาก ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่มีส่วนสูงมากกว่า 140 cm ขึ้นไป แต่ในขณะเดียวกันความสูงเฉลี่ยของเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ก็มักจะไม่เกิน 140 cm ซึ่งก็หมายความว่า เข็มขัดนิรภัยภายในรถนั้นแทบจะใช้งานกับเด็กเล็กไม่ได้เลย ดังนั้นการเลือกใช้คาร์ซีทจึงเป็นทางออกที่น่าสนใจค่ะ


ซึ่งคาร์ซีทที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีราคาค่อนข้างสูง โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3,000 - 40,000 บาท แบ่งออกเป็ย 3 กลุ่มตามช่วงอายุและน้ำหนักตัว คือ กลุ่มเด็กแรกเกิด, กลุ่มอายุ 9 เดือน - 4 ปี และ กลุ่มอายุ 1-12 ปี

ซึ่งครอบครัวไหนที่กำลังจะเลือกคาร์ซีทจากดีไซน์และขนาดที่ชอบเพียงอย่างเดียว อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดกันเล็กน้อย เพราะแท้จริงแล้วคาร์ซีทมีรายละเอียดให้คำนึงมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง คุชชั่นรองรับน้ำหนักเด็กหรือแม้แต่ความง่ายในการทำความสะอาด ซึ่งถ้ามองข้ามละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไป ก็อาจทำให้ผู้ซื้อได้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ใช้งานไม่ทนทานทั้งยังเป็นอันตรายกับเจ้าตัวน้อยได้เชียวนะคะ

ก่อนอื่นต้องมาเริ่มทำความรู้จักกับประเภทของคาร์ซีทที่แบ่งตามระดับการใช้งานกันก่อน ว่าเหมาะสำหรับเด็ก ๆ ที่มีช่วงอายุเท่าไหร่บ้าง ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทดังนี้

เบาะนั่งเสริม (Booster) เป็นประเภทแรกที่ติดตั้งและใช้งานง่ายที่สุด ส่วนใหญ่มีน้ำหนักเบา ราคาถูก เนื่องจากเป็นเพียงเบาะนั่งชิ้นเดียว ออกแบบมาเพื่อเสริมระดับการนั่งของเด็ก ๆ ให้สูงพอที่จะคาดเข็มขัดนิรภัยภายในรถได้โดยที่เข็มขัดไม่รั้งคอของเด็กนั่นเอง ใช้ได้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักไม่เกิน 36 kg อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ของการใช้งาน จึงมีคำแนะนำว่าควรใช้กับเด็กที่มีส่วนสูง 100 cm ขึ้นไป


และเมื่อพิจารณาแล้ว คาร์ซีทประเภทนี้มีความปลอดภัยน้อยมากเมื่อเทียบกับประเภทอื่น แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์คุ้มค่าหากเลือกซื้อไว้ใช้ชั่วคราวในครอบครัวที่ไม่ค่อยได้เดินทาง หรือในอนาคตอันใกล้ เด็ก ๆ ในบ้านโดพอที่จะไม่ต้องใช้คาร์ทซีทแล้วนั่นเอง

คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กนั้น ป็นคาร์ซีทที่ได้รับความนิยมมาก เพราะส่วนใหญ่มีราคาถูก มีขนาดกระทัดรัดเคลื่อนย้ายง่าย ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Infant Carrier Seats หรือแบบกระเช้า สำหรับเด็กแรกเกิด - 1 ปี มีน้ำหนักไม่เกิน 10 kg และแบบ Rear-Facing Convertible Seats สำหรับเด็กเล็กอายุ 9 เดือน - 4 ปี มีน้ำหนัก 9 -18 kg


โดยเด็กเมื่อนั่งลงไปแล้ว ขอบเบาะจะพอดีหรือสูงกว่าศีรษะของเด็กเล็กน้อย ส่วนเข็มขัดนิรภัยจะเชื่อมติดกับพนักพิง สามารถล็อกตัวเด็กได้อย่างแน่นหนาและปรับระดับได้ รวมไปถึงในบางผู้ผลิตยังได้มีการออกแบบมาให้สามารถถอดพนักพิงออก เพื่อให้นำไปประยุกต์ใช้กับเด็กที่มีอายุระหว่าง 10 - 12 ปี ได้อีกด้วย

เบาะพร้อมพนักพิงหลังแบบสูง "High Back Booster" นั้นเป็นรูปแบบที่พบได้มากที่สุด เนื่องจากสามารถปรับให้รองรับได้หลายช่วงอายุและมีความปลอดภัยอย่างยิ่ง โดยมักจะมีระบบเข็มขัดนิรภัยในเบาะเริ่มต้นตั้งแต่ 3 จุดขึ้นไป พนักพิงมีขนาดใหญ่และมีด้านข้างยื่นออกมาเพื่อปกป้องศีรษะและลำตัวได้อย่างแน่นหนาและมีโครงสร้างที่มีความแข็งแรงพิเศษค่ะ


ซึ่งรูปแบบนี้ เหมาะสำหรับเด็กโตหรือเด็กที่มีอายุระหว่าง 4 - 12 ปี มีความสูงไม่เกิน 140 cm และมีน้ำหนักระหว่าง 22 - 36 kg รวมถึงผู้ใหญ่ที่มีความผิดปกติทางร่ายกายด้วย โดยคาร์ซีทประเภทนี้มีราคาค่อนข้างสูงกว่ารูปแบบอื่น ดังนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่ท่านใดมีจุดประสงค์เพื่อการใช้งานที่ครอบคลุมมากที่สุดแล้วล่ะก็ การตัดสินใจเลือกคาร์ซีทรูปแบบนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว

    โดยพื้นฐานแล้วการติดตั้งคาร์ซีทกับเบาะรถมีอยู่ 2 ระบบได้แก่ ระบบใช้เข็มขัดนิรภัย (Seat Belt) และ ระบบไอโซฟิกซ์ (ISOFIX) ซึ่งเราได้สรุปข้อดี-ข้อเสียมาให้ดังต่อไปนี้

  1. ระบบใช้เข็มขัดนิรภัยหรือระบบสายคาด (Seat Belt)  : มักถูกติดตั้งกันอย่างผิดวิธีทำให้ส่งผลต่อความปลอดภัยของตัวเด็ก บางรุ่นใช้เวลาในการติดตั้งนาน แต่มีข้อดีคือราคาถูกกว่าระบบ ISOFIX และรองรับกับรถได้หลากหลายยี่ห้อ/รุ่น

  2. ระบบ ISOFIX : ติดตั้งได้ง่ายและมั่นคงกว่าระบบเข็มขัด มีความปลอดภัยสูง ช่วยป้องกันเหตุการณ์เบาะลื่นไหลเมื่อได้รับแรงกระแทกจากด้านหลัง แต่มีราคาค่อนข้างสูงและรองรับกับรถได้เพียงบางยี่ห้อ/รุ่นเท่านั้น ทั้งยังน้ำหนักค่อนข้างมาก


คำเตือน : ใครที่กำลังสนใจคาร์ซีทระบบไอโซฟิกซ์ (ISOFIX) อยู่ อย่าลืมตรวจสอบย่านพาหนะที่จะนำไปติดตั้งให้ดีก่อนนะคะว่ามีจุดยึด ISOFIX หรือไม่

เนื่องจากในปัจจุบันมีคาร์ซีทวางจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดจำนวนมาก ทั้งสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทไทยและบริษัทต่างชาติ ทำให้สินค้ามีราคาถูกและราคาแพงแตกต่างกันไป เพราะฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องตรวจสอบความปลอดภัยของสินค้านั้น ๆ เป็นพิเศษ โดยหนึ่งวิธีการตรวจสอบที่เราแนะนำก็คือ มองหาข้อความ “ECE R44/04” ที่ระบุไว้บนฉลากนั่นเอง เพราะข้อความดังกล่าวถือเป็นเครื่องยืนยันว่า สินค้าชิ้นนั้นผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัยของสหภาพของยุโรปมาแล้ว


นอกจากตรา “ECE R44/04” แล้ว คาร์ซีทบางยี่ห้อยังผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวดโดย ADAC หรือสมาคมรถยนต์เยอรมันอีกด้วย ดังนั้นถ้าเห็นข้อความหรือสัญลักษณ์ดังกล่าวบนสินค้า ก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งเลยว่าคาร์ซีทรุ่นนั้นจะช่วยป้องกันอันตรายให้กับเจ้าตัวน้อยขณะเดินทางได้

ด้วยลักษณะที่มีความแข็งแรง มีน้ำหนักมาก และจำเป็นต้องขนาดที่ใหญ่เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ส่งผลให้บางครั้งการเคลื่อนย้ายคาร์ซีทไปมาทำได้ยาก ครั้นจะถอดเข้าถอดออกบ่อย ๆ ก็ทำให้เสียเวลา หรือบางทีความสูงของคาร์ซีทบางรุ่นก็ใช้ในรถประเภทซีดานไม่ได้ ดังนั้น ข้อแรกคือตรวจสอบในแน่ใจก่อนว่าคาร์ซีทที่เราเลือกมานั้นใช้ในรถของเราได้หรือไม่ มีน้ำหนักมากน้อยและสะดวกต่อการพกพาแคไหน และในท้ายที่สุด ถ้ายิ่งมีการพับหรือแยกชิ้นส่วนพนักพิงกับเบาะออกจากกันได้ ก็จะยิ่งเพื่อความสะดวก และช่วยให้หลายคนตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้นค่ะ

นอกจากคุณสมบัติความปลอดภัยและฟังก์ชันการปรับระดับต่าง ๆ แล้ว ฟังก์ชันเสริมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนเลือกไม่ถูกเลยก็ว่าได้ค่ะ ว่าแต่ฟังก์ชันเสริมเหล่านี้จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปชมกันเลย

สำหรับผู้ปกครองที่เลี้ยงลูกเองโดยไม่มีผู้ช่วยหรือพี่เลี้ยง การใช้งานคาร์ซีทของคุณจะเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้น หากเลือกรุ่นที่มีการปรับระดับความสูงของศีรษะ และความกระชับของสายคาดได้เพียงแค่กดปุ่มเดียว

นอกจากนี้ใครที่กำลังวางแผนว่าจะซื้อคาร์ซีทเพื่อการใช้งานได้นานหลายปี เราขอแนะนำให้ซื้อยี่ห้อ/รุ่นที่ออกแบบมาให้ปรับความสูง-ต่ำ หรือความกระชับได้หลากหลายระดับตามสรีระของตัวเด็ก ยิ่งถ้าคาร์ซีทดังกล่าวสามารถถอดพนักพิงแยกจากตัวเบาะนั่งได้ด้วยล่ะก็ รับรองว่าใช้งานได้คุ้มค่าแน่นอนค่ะ

วัยเด็กเป็นวัยที่กระหายน้ำและนมบ่อย เพราะฉะนั้น ถ้าคาร์ซีทมีช่องใส่ขวดน้ำติดมาด้วย ก็จะช่วยให้คุณผู้ปกครองไม่ต้องเอื้อมไปหยิบขวดน้ำหรือขวดนมในกระเป๋าหรือตะกร้า ยิ่งถ้าเจ้าตัวน้อยเริ่มโตขึ้นจนหยิบขวดมาดื่มเองได้แล้ว ยิ่งเป็นการฝึกให้เขาช่วยเหลือตัวเองและเป็นการลดภาระให้กับคุณไปได้อีกหนึ่งอย่างเลยเชียวค่ะ นอกจากนี้ ถ้าหากไม่ได้ใช้งาน ฟังก์ชันนี้ก็สามารถถอดออกได้อีกด้วย

แน่นอนว่าคาร์ซีทเมื่อถูกใช้ไประยะหนึ่งแล้วจะเต็มไปด้วยคราบเหงื่อไคล หรือเศษอาหารที่เด็ก ๆ ทำตกไว้ ซึ่งคราบเหล่านี้เมื่อปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน ก็อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียเลยได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกซื้อเบาะที่ทำจากวัสดุระบายอากาศ เช่น ผ้าตาข่าย (Fabric Mesh) ที่ไม่เหม็นอับ ไม่สะสมความชื้น และถ้าเจ้าตัวน้อยของคุณมักมีอาการเมารถเป็นประจำด้วยแล้ว แนะนำว่าให้ซื้อแบบที่ถอดซักทำความสะอาดได้ เพราะถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งเขาอาเจียนใส่เบาะขึ้นมา รับรองว่าคุณต้องความสะอาดกันยกใหญ่แน่ ๆ

เมื่อพูดถึงทริปการเดินทางระยะไกล เชื่อว่าหลายท่านคงพอจะนึกถึงความเมื่อยล้าในการนั่งรถนาน ๆ กันได้ใช่ไหมคะ เจ้าตัวน้อยของเราก็เช่นกันค่ะ ดังนั้น อีกหนึ่งองค์ประกอบเพื่อความสะดวกสบาย ถ้าคุณต้องพาเด็ก ๆ ออกทริปบ่อยครั้ง เช่น ไปต่างจังหวัดบ่อย ๆ ก็คือการเลือกเบาะที่มีคุชชั่นหนานุ่ม เพื่อเพิ่มความสบายให้เจ้าตัวน้อยขณะที่ต้องนั่งต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทั้งนี้ การเพิ่มเบาะคุชชั่นเข้าไป แนะนำให้สอบถามทางผู้ผลิตก่อนตัดสินใจซื้อเพราะคาร์ซีททั่วไปในบ้านเรา มักจะไม่มีฟังก์ชันเสริมนี้ค่ะ

ฟังก์ชันสุดท้ายนี้ก็นับว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเด็กทุกคนโดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในช่วงอายุ 3 ปี เมื่อนั่งในรถไปได้ระยะหนึ่ง ก็มักจะเผลอหลับเองทุกที ซึ่งพ่อแม่หลาย ๆ ท่านอาจมีความกังวลว่าศีรษะลูกจะไปกระแทกขอบเบาะจนบาดเจ็บเอาได้ มากไปกว่านั้น ถ้าร่างกายของคนเราทุกคนหลับในท่านั่งนาน ๆ ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อกระดูกในระยะยาวได้

เพื่อป้องกันปัญหานี้ แนะนำให้เลือกคาร์ซีทที่สามารถปรับเบาะให้เอนนอนเริ่มต้นที่ 5-20 องศาเป็นต้นไป เพราะลักษณะเบาะจะช่วยโอบอุ้มร่างกายและบริเวณศีรษะให้ไม่เคลื่อนไหวได้ดี ซึ่งแน่นอนว่าคาร์ซีทส่วนใหญ่ก็ออกแบบมาให้ปรับระดับการเอียงได้อยู่แล้ว แต่จะเอนมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับประเภทของคาร์ซีทด้วย ดังนั้นนอกจากฟังก์ชันที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ฟังก์ชันการเอน ที่ช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพนี้ ก็เป็นอีกเทคนิคการเลือกที่แนะนำค่ะ

คาร์ซีทนี้เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับการพาลูกนั่งรถเลยนะคะ ซึ่งหลินก็ใช้ตั้งแต่วันแรกที่พาลูกออกจากโรงพยาบาลเลย หลินใช้ของ Ailebebe ค่ะ ที่ชอบมากเพราะเป็นคาร์ซีทหมุนได้ 360 องศา ทำให้สามารถอุ้มลูกออกจากรถได้ แม้ว่าช่องจอดจะมีเนื้อที่จำกัดจนทำให้เปิดแง้มประตูรถได้น้อยก็ตาม

เข็มขัดที่คาดติดตัวน้องก็สามารถปรับได้อย่างง่ายดายถึง 5 จุด โดยปรับจากทางด้านหน้า ไม่ต้องวุ่นวายกับการแกะเบาะแกะผ้ารอง แค่กดปุ่มแล้วรูดปรี๊ดก็เสร็จเรียบร้อย สะดวกฉับไวอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยจริง ๆ ค่ะ และอีกข้อหนึ่งที่ถูกใจก็คือเบาะและผ้ารองระบายอากาศได้ดีมาก เหมาะกับเมืองร้อนแบบบ้านเราเป็นที่สุด นั่งแล้วหลับสบายเลยค่ะ

และแล้วก็มาถึงช่วงที่หลายคนรอคอยกับ 10 อันดับคาร์ซีท ที่เราได้รวบรวมมาฝากผู้อ่าน บอกได้เลยว่าจัดเต็มด้วยแบรนด์คุณภาพได้รับการบอกต่อจากผู้ใช้ ได้รับการรับรองด้านความปลอดภัย และสามารถซื้อออนไลน์ได้อีกด้วย

เริ่มด้วยคาร์ซีทจากยุโรป ที่สามารถปรับเบาะให้หันหน้าเข้าและหันหน้าออกได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กดปุ่ม หมุนได้ 360 องศา มีระบบติดตั้งแบบ ISOFIX และสายล็อกด้านหลัง ศีรษะปรับได้ถึง 7 ระดับ ออกแบบมาให้ป้องกันและช่วยลดแรงกระแทกที่ศีรษะได้ดี และได้รับมาตรฐาน i-Size (R129) โดยสหภาพยุโรป มีข้อดีเรื่องการทำความสะอาด สามารถแกะตัวเบาะรองออกมาได้หมดทุกส่วน ปลอกสามารถถอดออกมาซักทำความสะอาดได้ด้วยเครื่องซักผ้า ขนาดโดยรวมกะทัดรัด สามารถใช้กับรถยนต์ขนาดเล็กได้ รวมถึงเหมาะแก่แม่บ้านยุคใหม่ที่ไม่มีเวลาเป็นอย่างยิ่ง

ถือเป็นคาร์ซีทแบรนด์เยอรมนี ที่มีอายุการใช้งานยาวนานมากทีเดียว และได้รับรางวัล German Design Award 2017 ติดตั้งและถอดออกได้ง่ายโดยใช้ระบบเข็มขัดนิรภัย ติดตั้งได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย ใช้ได้กับรถแทบทุกยี่ห้อทุกรุ่น เบาะปรับมุมได้ มีโฟมเสริมที่ศีรษะ หัวไหล่และสะโพก ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยรวมถึงลดแรงกระแทกได้ดี ปรับความสูงของส่วนรองรับศีรษะได้หลายระดับ นอกจากนี้วัสดุที่ใช้ในการผลิต ยังมีคุณสมบัติช่วยระบายอากาศทำให้เด็ก ๆ มีความสบายตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดที่กว้าง 58 cm และสูง 71 cm แนะนำให้ควรตรวจสอบขนาดว่าเข้ากับรถของเราได้หรือไม่ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อนะคะ

รุ่นนี้เป็นรุ่นยอดนิยมที่ได้รับมาตรฐาน UN(ECE) R44/04 ผ่านกระบวนการผลิตและตรวจสอบหลายขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน ใช้ระบบติดตั้งแบบเข็มขัดนิรภัย สามารถหมุนได้ 360 องศา ที่พักศีรษะและพนักพิงมีรูขนาดใหญ่ มาพร้อมผ้าคลุมแบบตาข่าย (Mesh) ซึ่งช่วยระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ช่วยให้เด็กสบายตัวตลอดเวลา นอกจากนี้เบาะยังมีโครงสร้างรองรับกับสรีระของเด็กได้ดี และมีคุชชั่นนิ่มช่วยลดความเมื่อยล้าสำหรับทริปอันยาวไกลอีกด้วย พนักพิงปรับเอนและถอดออกได้ รวมไปถึงมีความปลอดภัยสูง เพราะบริเวณที่รองศีรษะถูกออกแบบมาเป็นช่องเพื่อให้เข็มขัดลอดผ่านและล็อกที่ช่องนั้นโดยไม่รั้งที่คอของเด็กนั่นเอง

อีกหนึ่งแบรนด์ไทยติดอันดับ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04  เสริมความแข็งแรงด้วยสายรัดกันกระแทกถึง 5 จุด พนักพิงสามารถปรับระดับความสูงได้ ติดตั้งคล้ายแบบเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ ได้ทั้งแบบหันหน้าเข้าและหันหน้าออก โดยแบรนด์นี้ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าวิธีติดตั้งคาร์ซีทที่ถูกต้องจะต้องขยับได้ไม่เกิน 1 นิ้ว ในทุก ๆ ทิศทาง ดังนั้น เมื่อติดตั้งอย่างแน่นหนาแล้ว ก็จะทำหน้าที่ป้องกันแรงกระแทกต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว และแม้ว่าจะเป็นแบรนด์ไทยก็รับประกันและวางใจในคุณภาพได้ไม่แพ้แบรนด์ต่างประเทศเช่นกัน ที่สำคัญราคาไม่แพงอีกด้วย

คาร์ซีทนี้ถูกออกแบบมาให้ปกป้องร่างกายทุกส่วนของเด็กได้เป็นอย่างดี ถึงกับมีการเปรียบเทียบว่าโยนไข่ลงมาใส่ “ไข่ไม่แตก” เลยทีเดียว ใช้วัสดุผ้าตาข่ายมาทำเป็นเบาะ ช่วยระบายอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับเจ้าตัวน้อยที่ขี้ร้อนหรือเหงื่อออกง่าย ปลอกถอดออกมาซักทำความสะอาดได้ รุ่นนี้มีขนาดไม่ใหญ่ ทำให้เมื่อใส่ในรถแล้วยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก มาพร้อมเข็มขัดนิรภัยล็อกถึง 5 จุด มีสัญลักษณ์สีแดง-เขียวเพื่อเตือนการล็อกเข็มขัด แถมยังการันตีด้วยมาตรฐานจาก ECE R44/04 ดังนั้น มั่นใจได้ว่าศีรษะและลำตัวอันบอบบางของเจ้าตัวน้อยจะได้รับการดูแลอย่างแท้จริงแน่นอน

แบรนด์ดังจากเยอรมนีรุ่นนี้ ได้มาตรฐาน UN R44/04 ด้านข้างมีส่วนพลาสติกที่ยื่นออกมาเรียกว่า Integrated L.S.P. System ช่วยลดแรงกระแทกจากด้านข้าง พนักพิงด้านข้างแข็งแรงไม่เสียรูปเมื่อโดนแรงกดหรือแรงกระแทก ปรับเบาะรองศีรษะได้ 12 ระดับ ตัวเบาะออกแบบมาให้ถ่ายเทอากาศได้ดีแม้ในวันที่อากาศร้อนจัด น้ำหนักเบา ติดตั้งง่ายใช้แค่มือเดียว เรียกได้ว่าคุณพ่อหรือคุณแม่สามารถยกและติดตั้งใช้งานได้ด้วยตัวเอง โดยรุ่นนี้สามารถติดตั้งได้ 2 วิธี ทั้งระบบเข็มขัดนิรภัยและระบบ ISOFIX หรือจะเพิ่มความปลอดภัยแบบดับเบิ้ลด้วยการติดตั้งทั้ง 2 วิธีพร้อมกันเลยก็ได้ค่ะ

มาที่อีกรุ่นที่การันตีด้วยมาตรฐาน EU ECE/R44-04 กับคาร์ซีทปรับได้ 2 ทิศทางทั้งด้านหน้าและหลัง ตัวเบาะทำจาก Memory Foam มีความยืดหยุ่นคืนตัวได้ดี ให้ความรู้สึกนุ่มนั่งสบาย ไม่สะสมความร้อน พนักพิงปรับเอนได้ โดยสามารถเอนได้สูงสุดถึง 170 องศา ใช้ระบบเข็มขัดล็อก 5 จุด มีความแข็งแรงมั่นคง มียางกันลื่น และสามารถปรับระดับสูง-ต่ำของเข็มขัดให้เหมาะสมกับเด็ก ๆ ทุกช่วงวัยได้ นอกจากนี้ที่หัวล็อกยังมีที่รอง เพื่อป้องกันการเสียดสีกับตัวเด็กอีกด้วย อย่างไรก็ตาม มีคำแนะนำในการติดตั้งที่ถูกต้อง คือรอบคาร์ซีทควรขยับได้ไม่เกิน 1 นิ้วเพื่อให้เกิดความแน่นหนา และมั่นคงที่สุดนั่นเอง

สำหรับใครที่กำลังมองหาคาร์ซีทราคาเบา ๆ ต้องห้ามพลาดกับคาร์ซีทสุดคุ้มปรับใช้งานได้ตามความเหมาะสมของแต่ละช่วงวัยได้ถึง 3 แบบ เบาะก็ปรับเอนได้ 6 ระดับ ส่วน พนักพิงศีรษะสามารถปรับได้ 10 ระดับ และจะปรับไปพร้อม ๆ กับเทคโนโลยี AutoAdjustTM ที่จะปรับด้านข้างตามอัตโนมัติเพื่อให้พอดีกับตัวเด็กนั่นเอง มีสายคาดนิรภัยล็อกรวม 5 จุด พิเศษให้ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะตัว Guard Surround Safety ที่ช่วยป้องกันการกระแทกระหว่างประตูกับคาร์ซีท โครงสร้างภายในมีโครงเหล็กช่วยเสริมความแข็งแรงเป็นอย่างดี โดยเบาะสามารถถอดเก็บหรือนำไปซักทำความสะอาดได้

มาถึงคาร์ซีทจากญี่ปุ่นที่ได้รับมาตรฐานสากล เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่จัดเต็มความปลอดภัยจริง ๆ กับการติดตั้งด้วยระบบ Power Lock เป็นระบบเข็มขัดนิรภัยล็อก 5 จุด ปรับขึ้นลงได้ 8 ระดับ โดยมีก้านล็อกสายเข็มขัดด้านข้างอีกชั้นเพื่อเพิ่มความแน่นหนาปลอดภัยมากขึ้น โครงสร้างเบาะ บุด้วย EPS FOAM ที่มีความหนาถึง 40 mm ช่วยรองรับแรงกระแทกรอบด้านได้ดีเยี่ยม แถมด้วย Ultra Cushion เพิ่มความสบายตัว นุ่มนั่งสบายมากกว่าเดิม มีจุดเด่นที่สามารถปรับหมุนได้ 360 องศา พนักพิงปรับเอนได้สูงสุด 127 องศา นอกจากนี้ยังสามารถถอดผ้าหุ้มเบาะออกมาซักทำความสะอาดได้อีกด้วย

รุ่นพัฒนารุ่นนี้ถือว่าได้รับกระแสตอบรับดีจริง ๆ เพราะระบบความปลอดภัยเป็นเลิศ ทั้งโครงสร้างที่ทำจาก Urethane Foam คุณภาพ หุ้มด้วยใยฝ้ายออร์แกนิค เพื่อป้องกันความระคายเคืองต่อผิวของเด็ก มีระบบช่วยป้องกันศีรษะ คอ เอว หลัง (Ergonomic SAFE-BACK System) ใช้ระบบ Magnetic Holder ซึ่งเป็นแม่เหล็กยึดเบาะที่มีส่วช่วยป้องกันไม่ให้เข็มขัดบิดอีกด้วย ส่วนด้านในมีระบบหนา 4 ชั้นช่วยลดแรงกระแทก (4 Layer Shock-resistant Qsip) พนักพิงศีรษะปรับได้สูงสุด 11 ระดับ เบาะปรับได้รวม 7 ระดับ เอียงสูงสุด 146 องศา รองรับสรีระได้ตรงจุดและเพิ่มความนุ่มสบายในระหว่างการนอนมากขึ้นค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีการเลือกคาร์ซีท หลังจากที่ได้ชม 10 อันดับคาร์ซีทยอดฮิตขายดีกันไปแล้ว คุณพ่อคุณแม่มีคาร์ซีทที่เล็ง ๆ ไว้บ้างหรือยังคะ ? และถึงแม้ว่าราคาเฉลี่ยในตลาดรวม ๆ แล้วค่อนข้างแพง จนทำให้การซื้อคาร์ซีทผ่านช่องทางออนไลน์ของคุณพ่อคุณแม่ใช้เวลาตัดสินใจนานพอสมควร แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ทั้งคุณภาพที่ดีที่สุด และความปลอดภัยสูงสุดต่อตัวลูก ๆ นั่นเอง


แต่หากใครที่พอมีเวลาเดินชมของจริง แนะนำให้ลองไปดูสินค้าตัวโชว์ที่ห้างสรรพสินค้าคร่าว ๆ ก่อน เพื่อจะได้เห็นส่วนต่าง ๆ มากขึ้นหรือได้สัมผัสของจริงบ้าง แล้วจะกลับมาซื้อออนไลน์เพื่อความสะดวกสะบายในการจัดส่งก็ไม่เสียหาย และเมื่อทุกคนซื้อคาร์ซีทที่ถูกใจได้แล้ว ก็อย่าลืมที่จะใส่ใจเรื่องการติดตั้ง ปฏิบัติตามคู่มือการใช้งานอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอยภัยมากที่สุดนั่นเอง