แนะนำ 5 อันดับ ครีมกันแดดสำหรับเด็ก ยอดฮิตน่าซื้อ อัพเดทล่าสุดปี 2567

ชวนคุณมาช้อปออนไลน์กับสินค้าคุณภาพดี จากหลากหลายแบรนด์ดังพร้อมทั้งโปรโมชั่นอีกมากมาย ทั้งโปรส่งฟรี ทั่วประเทศ ไอเท็มเด็ดราคาถูก สายช้อปเตรียมตัวให้พร้อมกับโปรโมชั่นนี้ ให้คุณช้อปคุ้มชัวร์ด้วยดีลเด็ด มอบส่วนลดหลายต่อแบบไม่เกรงใจใคร สินค้าลดราคามากมาย
คุณภาพดี ราคาถูกมาก เราอยากนำเสนอ ครีมกันแดดสำหรับเด็ก  สินค้าทางอินเตอร์เน็ต  ราคาถูกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา สั่ง ครีมกันแดดสำหรับเด็ก  ไป ราคาถูกกว่าซื้อห้าง สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ลดราคาลงมาอีก สินค้าดีๆ ราคาถุก จัดส่งรวดเร็ว คุณภาพเกินราคา ตอนนี้ลองใช้มาซักพักใช้ได้ดี ไม่มีความเสียหายไดๆจากการขนส่ง

     คุณรู้หรือไม่? ว่าปัจจุบันนี้"ครีมกันแดดสำหรับเด็ก"นั้นโดยมีทั้ง ครีมกันแดดสำหรับเด็ก แล้วแบบนี้คุณจะทราบได้อย่างไรว่าในแต่ละรุ่นหรือประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? หรือครีมกันแดดสำหรับเด็ก ยี่ห้อไหนดี? ราคาแพงไหม? ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาครีมกันแดดสำหรับเด็กดีๆสักรุ่น วันนี้เราได้จัดอันดับ แนะนำ ครีมกันแดดสำหรับเด็กคุณภาพดีมาให้คุณได้เลือกกันแล้วดังนี้

เนื่องจากผิวของวัยเด็กจะมีความบอบบางมากกว่าวัยผู้ใหญ่ จึต้องใช้ครีมกันแดดที่เป็นสูตรสำหรับพวกเค้าโดยเฉพาะ เนื่องจากมีความอ่อนโยนมากกว่า จึงช่วยถนอมผิวได้ดี ซึ่งนอกจากเด็ก ๆ จะใช้ดีแล้ว ผู้ใหญ่ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ทุกวันนี้หลายแบรนด์ต่างพากันพัฒนาครีมกันแดดออกมาแข่งขันกันมากมาย ทำให้เหล่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่สับสนกันหมดว่า จะเลือกครีมกันแดดให้ ลูก ๆ อย่างไรดี วันนี้เรามาจะดูกันค่ะว่า ครีมกันแดดสำหรับเด็กนั้นจะมี "วิธีการเลือกซื้อ" อย่างไรบ้าง

เมื่อรู้ว่าครีมกันแดดที่เหมาะกับเด็ก ๆ ควรมีลักษณะอย่างไรแล้ว ในส่วนถัดไป เรายังมี "10 อันดับ ครีมกันแดดสำหรับเด็กยอดฮิต" ที่ผ่านการเปรียบเทียบทั้งคุณสมบัติ, ราคาและรีวิวมาฝากกันอีกด้วยนะคะ

เราทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าผิวของน้อง ๆ หนู ๆ ทั้งหลายมีความบอบบางกว่าผู้ใหญ่ แต่ทุกคนก็คงจะสงสัยกันใช่ไหมคะว่า “แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรอ่อนโยนกับเค้า” วันนี้เราเลยรวบรวมคำแนะนำต่าง ๆ จากเหล่าคุณแม่และผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาให้อ่านกัน ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทุกวันนี้ครีมกันแดดมี 2 ประเภทด้วยกันค่ะ แบบแรก คือ “Chemical” ที่กันแดดได้ด้วยตัวดูดซับ UV แต่กลับก่อให้เกิดการระคายเคืองสูง กล่าวคือยิ่งค่า SPF มากเท่าไร ก็จะยิ่งเสี่ยงที่จะระคายเคืองผิวมากขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้ามกับแบบ “Organic” ที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ จึงมีความอ่อนโยนมากกว่า

จากที่เราได้เกริ่นไปในตอนต้น ลองจินตนาการดูนะคะว่าถ้าน้อง ๆ หนู ๆ ที่บ้านต้องทาครีมกันแดดที่มีตัวดูดซับรังสี UV เป็นประจำทุกวันจะเกิดอะไรขึ้น ใช่แล้วค่ะ! ผิวของเด็ก ๆ จะระคายเคือง อาจเป็นผื่นแดงและมีอาการแสบคันร่วมได้ บางคนอาจร้ายแรงจนถึงขั้นต้องไปพบแพทย์ ดังนั้น แนะนำให้เลือกซื้อสูตรที่เป็น Non-Chemical หรือ Organic จะดีกว่า เพราะปราศจากตัวดูดซับรังสี UV และสารเคมี เช่น กลุ่ม Petroleum แถมยังล้างออกได้ง่ายด้วยสบู่อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องบอกลาสูตร Chemical เสียทีเดียวนะคะ เพราะก็ยังมีประโยชน์อยู่ โดยคุณสามารถทาให้ลูก ๆ ได้ในวันที่ต้องออกแดดจัด ๆ นั่นเอง

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สารเติมแต่งที่ใส่มาในครีมกันแดดของแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ จริง ๆ แล้ว “ไม่อันตราย” ค่ะ ผู้ใหญ่ที่มีสถาพผิวธรรมดาสามารถใช้ได้อยู่แล้ว แต่สำหรับเด็กที่มีผิวบอบบาง ยิ่งกับเด็กที่อายุน้อยด้วยแล้วยิ่งต้องระวัง เพราะสารเติมแต่งเหล่านี้อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงสูตรที่มี “กลุ่ม Petroleum” และ “น้ำหอมสังเคราะห์”

หรือถ้าใครขี้เกียจอ่านส่วนผสมให้วุ่นวาย เลือกสูตรที่ระบุว่าเป็น Organic แทนก็ได้ค่ะ เพราะส่วนผสมหลักได้จากสารสกัดจากธรรมชาติ และมักไม่ใส่น้ำหอม กลิ่นที่ได้จะเป็นกลิ่นของตัวครีมเองอยู่แล้ว จึงมีความปลอดภัยมากกว่า

อีกหนึ่งจุดที่สำคัญ อย่าลืมเช็กจากรายละเอียดสินค้านั้น ๆ หรือจากรีวิวด้วยนะคะว่า สามารถล้างออกง่ายแค่ไหน ทางที่ดีควรจะล้างออกได้ด้วยสบู่หรือน้ำอุ่น เพราะถ้าล้างออกยาก คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเช็ดด้วยคลีนเซอร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสียดสีหรือระคายเคืองต่อผิวน้องได้ เช่นเดียวกับการถูกเช็ดถูมาก ๆ นั่นเองค่ะ

เรามักจะติดค่านิยมว่า “ยิ่ง SPF และ PA เยอะ ยิ่งกันแดดได้มาก” แต่จริง ๆ แล้วค่าเหล่านี้มีอะไรซ่อนอยู่เยอะมากเลยค่ะ เรามาเช็กกันหน่อยดีกว่าว่าที่ผ่านมาเราเข้าใจถูกหรือเปล่า และจริง ๆ ควรจะเลือกซื้ออย่างไรกันแน่

ปกติแล้วไม่ว่าจะใช้ทาในวันปกติหรือออกกลางแจ้งก็ตาม เรามักจะเลือกสูตรที่มีค่า SPF สูง ๆ เอาไว้ก่อน เพราะเชื่อว่าค่าที่สูงกว่าย่อมปกป้องได้ครอบคลุมมากกว่า ซึ่งไม่ผิดเสียทีเดียวค่ะ แต่จากที่เราได้บอกไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่า ครีมกันแดดแบบ “ตัวดูดซับรังสี UV” อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ และถ้ายิ่งมีค่า SPF สูงด้วยแล้วก็จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นไปอีก ดังนั้น การซื้อค่า SPF ที่เกินความจำเป็นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน เด็ก ๆ แค่ไปโรงเรียนหรือเล่นกลางแจ้งบ้างนิดหน่อย แนะนำให้เลือกสูตรที่มีค่า SPF 10-20 ก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าวันไหนต้องออกไปกลางแจ้งอย่างเที่ยวทะเลนาน ๆ ให้ทาสูตรที่มีค่า SPF 30 จะป้องกันได้ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมคำนึงถึงปริมาณการทาและความถี่ในการทาซ้ำด้วยนะคะ โดยปกติแล้วควรจะทาแต่พอดีก่อนออกแดด 30 นาที และเมื่อเลยระยะเวลาที่ครีมสามารถป้องกันได้แล้วให้ทาซ้ำอีกครั้ง โดยกะปริมาณครีมเหลือแค่ครึ่งหนึ่งจากตอนทาครั้งแรกเท่านั้น

หลายคนคงเคยเห็นค่า SPF และ PA กันจนชินแล้ว แต่เชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้ข้อแตกต่างของสองค่านี้ โดยค่า SPF คือจำนวนเท่าของเวลาที่ผิวสามารถทนต่อรังสี UVB ได้หลังจากทาครีมเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ค่า PA คือค่าบอกระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVA ซึ่งถ้าเด็กต้องออกแดดจัด ๆ ให้เลือกระดับค่า PA มาก ๆ ไว้จะดีกว่า ส่วนคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่อยากเสียเวลาทาครีมให้เด็กซ้ำ ๆ แนะนำให้เลือกสูตรที่มีค่า SPF สูงหน่อยแทนนะคะ

เกร็ดน่ารู้ : ทราบไหมว่าระบบค่า PA เป็นค่าที่ถูกคิดค้นและใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มสินค้าสัญชาติญี่ปุ่น แต่ “ไม่ใช่ค่าสากล” ดังนั้น จึงไม่แปลกอะไรหากสินค้าในฝั่งตะวันตกจะไม่ระบุค่า PA ค่ะ

ข้อนี้ผู้ใหญ่อาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะตอนเลือกครีมกันแดดของตัวเองก็คงไม่ค่อยได้ใส่ใจมากนัก เนื่องจากไม่ส่งผลต่อการใช้งานมาก แต่ถ้าคุณต้องทาให้ลูก ๆ ล่ะก็ ข้อนี้ถือเป็นอีกสิ่งที่สำคัญเลยค่ะ เพราะเด็ก ๆ ไม่ค่อยอยู่นิ่งให้คุณทา แถมยังไม่ชอบอะไรเหนอะหนะอีกด้วย คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าควรเลือกอย่างไร

เนื้อสัมผัสแบบเจลมีข้อดี คือ เนียนลื่นจึงลูบไล้ไปกับผิวได้ง่าย ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถทาได้ไว ไม่เหมือนแบบครีมที่มักจะเป็นคราบขาวคอยกวนใจ แต่ข้อจำกัด คือ ไม่สามารถกันแดดแรง ๆ ได้เท่ากับเนื้อครีมและโลชั่น จึงเหมาะกับการทาในวันที่ไม่ต้องเจอแดดแรงมาก

ครีมกันแดดแบบสเปรย์ถือเป็นแบบที่ฮอตฮิตสำหรับสูตรเด็กเลยค่ะ เพราะใช้ง่ายและทาบริเวณกว้างอย่างแผ่นหลังได้ แถมยังพกพาสะดวก ไม่ต้องกลัวว่าจะหกเลอะเทอะอีกด้วย แต่ควรระวังการใช้กับเด็กเล็ก ๆ หรือเด็กที่ยังไม่สามารถอยู่นิ่ง ๆ ตามคำสั่งพ่อแม่ได้นะคะ เพราะละอองสเปรย์อาจกระเด็นเข้าตาหรือปากหนู ๆ หรือควรฉีดที่มือของคุณพ่อคุณแม่แล้วค่อยทาให้จะดีกว่า (ใครจะใช้พัฟช่วยด้วยก็ได้)
เนื้อโลชั่นจะคล้ายกับเนื้อครีม แต่สามารถเกลี่ยได้ง่ายกว่า เหมาะกับการทาเป็นวงกว้าง ซึ่งนอกจากจะทาให้เบบี๋ได้แล้ว คุณแม่ยังสามารถใช้ลงก่อนแต่งหน้าได้ด้วยค่ะ เพราะจะช่วยให้เบสหรือรองพื้นที่ลงตามมาดูเรียบเนียนสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
เนื้อครีมจะมีปริมาณมอยส์เจอร์ไรเซอร์อยู่เยอะที่สุด จึงให้สัมผัสที่หนาหนัก พร้อมให้การป้องกันรังสี UV ที่สูงและกันน้ำกันเหงื่อได้ดีเพราะมีปริมาณน้ำมันเยอะ ดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะทาในวันปกติของน้อง ๆ หนู ๆ นะคะ ควรจะทาแค่วันที่ต้องออกแดดจัด ๆ หรือลงว่ายน้ำเท่านั้น แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการการปกป้องอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว แบบครีมนี้เหมาะมากเลยค่ะ

นอกเหนือจากสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ แต่ละคนยังมีการใช้งานที่แตกต่างกันไปอีก เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าแต่ละสถานการณ์ ควรเลือกซื้ออย่างไรให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดกัน

สูตรกันน้ำไม่ได้หมายความว่าล้างออกยากเสมอไปนะคะ เพียงแต่เป็นสูตรที่สามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ดีเท่านั้น จึงเหมาะกับการทาเมื่อต้องว่ายน้ำหรือเล่นน้ำทะเล แต่ควรทาในปริมาณที่พอเหมาะและอย่าลืมเช็กจากรีวิวหรือรายละเอียดของสูตรนั้น ๆ ด้วยว่าล้างทำความสะอาดอย่างไรและยากง่ายมากแค่ไหน เพื่อเป็นการถนอมผิวของหนู ๆ

ตามธรรมชาติของผิวเมื่อโดนแดดมามาก ๆ ก็จะแห้งอยู่แล้ว และเมื่อผิวแห้งเกราะป้องกันต่าง ๆ ก็จะลดน้อยลงอย่างฉับพลัน ด้วย เป็นเหตุให้ผิวไหม้แดดนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้น แนะนำให้เลือกซื้อสูตรที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์สูง เช่น สารสกัดจากว่านหางจระเข้,แตงกวา, กรดไฮยาลูรอนิค และกรดอะมิโน

ส่วนเนื้อสัมผัสควรจะเป็นแบบครีมค่ะ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่หรือหนู ๆ คนไหนไม่ชอบเนื้อสัมผัสที่หนาหนักแนะนำให้เลือกเนื้อโลชั่นหรือน้ำนมแทน

ครีมกันแดดไม่ได้มีไว้ทาก่อนไปว่ายน้ำหรือทะเลอย่างเดียว ยังสามารถทาก่อนออกไปวิ่งเล่นในสนามหญ้าได้อีกด้วย ซึ่งนอกเหนือจากแสงแดดที่มากวนใจคุณพ่อคุณแม่แล้ว ยังมี “แมลง” ที่คอยจ้องจะกัดเด็ก ๆ ฉะนั้นเราจึงแนะนำให้ซื้อสูตรที่มีคุณสมบัติช่วยกันแมลงด้วยไปในตัวก็จะดีกว่าการต้องมานั่งทาครีมหลาย ๆ ตัวค่ะ

จริง ๆ แล้วไม่ได้มีแต่คุณแม่อย่างเดียวที่ใช้ได้นะคะ สาวโสดที่ผิวบอบบางเองก็ใช้ได้ด้วยเหมือนกัน เพราะนอกจากจะมีความอ่อนโยนมากกว่าของผู้ใหญ่แล้ว ส่วนใหญ่ยังมีราคาถูกกว่าด้วย โดยก่อนการซื้อ ต้องอย่าลืมเช็กสักนิดว่าสูตรนั้นสามารถทาหน้าได้หรือเปล่านะคะ เพื่อความชัวร์

คราวนี้เพื่อน ๆ คงรู้แล้วว่าจะเลือกซื้ออย่างไรให้เหมาะกับลูก ๆ หรือตัวเองกันนะคะ ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันดีกว่าว่ามีสินค้าตัวไหนน่าสนใจกันบ้าง และรีวิวของแต่ละชิ้นเป็นอย่างไร

ก่อนอื่นต้องบอกว่าสูตรนี้เค้าเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่แล้วนะคะ (ขวดเหลืองชมพู) ใครไปเห็นที่ไหนก็อย่าเพิ่งตกใจ แต่ยังคงคุณภาพไว้เหมือนเดิม เรียกได้ว่าเป็นครีมกันแดดที่ขาดไม่ได้เวลาไปเล่นน้ำทะเลเลยทีเดียวค่ะ เพราะกันด้ทั้งรังสี UVA/UVB พร้อมกันน้ำได้นานถึง 80 นาที และด้วยสูตร Hypoallergenic ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ปกป้องผิวของหนูน้อยอย่างอ่อนโยน แต่ข้อเสียคือ อาจทำให้เกิดคราบเหลืองบริเวณปกเสื้อได้

นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์กลุ่มทำความสะอาดที่โด่งดังแล้ว แบรนด์นี้เขาก็มีสกินแคร์และซันบล็อกที่น่าสนใจด้วยนะจ๊ะ โดยสูตรนี้โดดเด่นด้วยนวัตกรรม Liposomal Lotion สามารถควบคุมให้สารกันแดดอยู่ที่ชั้นผิวเท่านั้น จึงไม่ซึมซาบเข้าร่างกายเด็ก พร้อมปกป้องผิวอย่างอ่อนโยนเพราะปราศจากน้ำหอมและสารกันเสีย ซึ่งได้รับการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าสามารถใช้กับเด็กที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบได้

หมายเหตุ : เหมาะกับเด็กอายุ 12 เดือนขึ้นไปและแพ็กเกจขวดเป็นหัวปั้ม
ต่อกันด้วยแบรนด์ Sebamed จุดเด่นอยู่ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี ช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดดและอาหารแพ้ต่าง ๆ พร้อมผสานคุณค่าด้วย Inulin และ Lecithin ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้น โดยปราศจากแอลกอฮอล์และพาราเบน ผู้ปกครองจึงมั่นใจได้ว่าผิวของลูก ๆ จะได้รับการปกป้องและบำรุงมากเพียงพอ แต่สูตรนี้มีเนื้อครีมค่อนข้างข้นและเหนียวนะคะ จึงอาจต้องใช้เวลาในการทา
อีกหนึ่งยี่ห้อที่น่าสนใจไม่แพ้กันสำหรับ Eucerin สูตรนี้ที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVB และ UVA พร้อมทั้งลดการทำร้ายผิวจากรังสี High Energy Visible Light 85% อย่างอ่อนโยนโดยปราศจากน้ำหอม, สี และพาราเบน ซึ่งได้รับการวิจัยแล้วว่าช่วยลดการทำร้ายได้ถึงระดับเซลล์ พร้อมคงความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะ และมาในแพ็กเกจเป็นแบบสเปรย์ ทำให้ใช้งานได้ง่าย รวดเร็วทันใจ

หากพูดถึงครีมกันแดด เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงนึกถึง BANANA BOAT เป็นแน่ค่ะ สำหรับสูตรนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ “ไม่ระคายเคืองตา” และไม่อุดตันรูขุมขน พร้อมช่วยปกป้องทั้งรังสี UVA และ UVB อย่างอ่อนโยน ที่สำคัญ มีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ที่ช่วยให้ผิวเด็ก ๆ ชุ่มชื้นไปด้วยในตัว โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป หลายคนที่ใช้ต่างบอกว่าเนื้อบางเบาไม่เหนอะหนะ เกลี่ยยากนิดนึง แต่ติดทนนาน

แบรนด์นี้ไม่ได้มีแต่ครีมกันแดดผู้ใหญ่อย่างเดียวนะคะ ของเด็กของก็มีด้วย โดยสูตรนี้สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB กันน้ำกันเหงื่อได้ดี พร้อมมีค่า pH-Balanced ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสี จึงอ่อนโยนต่อผิว ซึ่งผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ ยังไม่เหนียวเหนอะนะ สบายผิวกับเด็ก ๆ แถมยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยสบู่เด็กทั่วไปอีกด้วยค่ะ

ครีมกันแดดสำหรับเด็กสูตรสำหรับออกกลางแจ้งและว่ายน้ำโดยเฉพาะ ด้วยเทคโนโลยี Broad Spectrum ช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมด้วยประสิทธิภาพในการกันน้ำสูง ทั้งยังให้ความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย Penthenol และดูแลผิวเด็ก ๆ จากการโดนคลอรีนในสระน้ำ หรือการโดนน้ำทะเลเพื่อถนอมผิวไม่ให้แห้งกร้าน โดยสูตรนี้ได้ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าอ่อนโยนต่อเด็ก ๆ

กันแดดยอดฮิตอีกตัวสำหรับเด็ก ๆ จากแบรนด์ La Roche Posay ที่ดังในเรื่องความอ่อนโยนต่อผิว โดยตัวนี้เป็นสูตรเฉพาะสำหรับการออกแดดจัด มีจุดเด่นด้วยเทคโนโลยี Wet Skin ที่ทำให้สามารถทาบนผิวได้แม้เปียกน้ำเพราะเป็น Hydrophobic Film จึงสามารถชะโลมซ้ำได้อีกในระหว่างวันหากเด็ก ๆ ต้องเล่นน้ำหรือทำกิจกรรมเป็นเวลานาน เป็นสูตรเนื้อเจล ทาง่าย สบายผิว ซึมไว ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA/UVB และ Infrared

กันแดดจาก Pigeon หนึ่งในแบรนด์ที่ฮิตในหมู่คุณพ่อคุณแม่ สำหรับครีมกันแดดสูตรนี้ถูกพัฒนามาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ จึงมีความอ่อนโยนมากเป็นพิเศษ ซึ่งได้รับการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ขณะเดียวกันก็ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วย Ceramide และ Hyaluronic Acid ทำให้ผิวไม่แห้งตึง สบายตัวตลอดวัน โดยมีหลายค่า SPF ให้เลือกซื้อ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของเด็ก ๆ ในแต่ละวันเลยค่ะ

มาที่อันดับที่ 1 ที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อคุณแม่อย่างล้นหลาม โดยสูตรนี้เป็นสูตรอ่อนโยนเพราะปราศจากน้ำหอมและพาราเบน และไม่อุดตันผิว สามารถใช้ทาได้ทั้งหน้าและตัว ด้วยเทคโนโลยี XL Protect แบบเฉพาะของแบรนด์ จึงช่วยป้องกันทั้งรังสี UAV, UAB และ Infrared ได้ในตัวดี พร้อมทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ กันน้ำได้ดี และเหมาะสำหรับทำกิจกรรมที่ต้องออกแดดจัด ๆ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป

วิธีทาครีมกันแดดให้เด็ก ๆ ไม่ต่างจากของผู้ใหญ่เท่าไร แต่มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรจะใส่ใจนิดนึงค่ะ โดยควรเกลี่ยครีมบาง ๆ ให้ทั่วบริเวณที่ต้องการ แล้วค่อย ๆ เพิ่มเลเยอร์หากไม่พอ อย่าทาหนาตั้งแต่แรกเพราะเนื้อครีมจะไม่ติดทน และควรทาซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อคงประสิทธิภาพของครีมด้วยนะจ๊ะ
สำหรับเบบี๋ที่มีผิวแพ้ง่ายแนะนำให้ผู้ปกครองลองทดสอบครีมนั้น ๆ ก่อนจะทาจริงนะคะ โดยการลองแต้มที่ผิวอ่อน เช่น ใต้ท้องแขน แล้วรอจนครบ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแดงแสบคันใด ๆ ก็สามารถใช้ได้ ในทางตรงกันข้ามถ้าเกิดอาการดังกล่าวขึ้นมาให้รีบเช็ดออก รอสักพักจนกว่าอาการจะดีขึ้น หากไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์
นอกจากนี้อย่าลืมใส่ใจ “อายุการใช้งาน” ด้วย โดยครีมกันแดดที่ถูกเปิดแล้วจะสามารถใช้ต่อไปได้อีก 3-6 เดือนเท่านั้น และไม่ควรนำกลับมาใช้อีกนะคะ เพราะแบคทีเรียอาจแพร่พันธ์ุไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าได้เสียดายเงินเลยค่ะ ยอมเสียค่าครีมกันแดดขวดใหม่ไปดีกว่าเสียค่ารักษา

นอกจากเด็ก ๆ แล้วครีมกันแดดสูตรนี้ยังเหมาะกับผู้ที่อยากใส่ใจสุขภาพผิวเป็นพิเศษอีกด้วยค่ะ ซื้อไปขวดเดียวสามารถแชร์กันใช้ได้ทั้งแม่ทั้งลูกเลยทีเดียว แต่เวลาเลือกซื้อให้หนู ๆ อาจจะต้องพิถีพิถันกันนิดนึง ใส่ใจเลือกสูตรที่เป็น Organic และไม่ผสมน้ำหอม โดยมีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรา แค่นี้เด็ก ๆ ก็จะห่างไกลจากผิวไหม้แดดแล้วค่ะ

สำหรับใครที่อยากบำรุงผิวลูก ๆ หรือตัวเองหลังจากออกแดดจัดเพิ่มอีก แนะนำให้ซื้อ “เจลว่านหางจระเข้” ทาเลยค่ะ เพราะมีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิวหลังไหม้แดดและคืนความชุ่มชื้นให้กลับมาเนียนนุ่มขึ้นอีกด้วย ใครสนใจก็สามารถเข้าไปอ่านกันต่อที่บทความแนะนำว่านหางจระเข้ของ mybest เราเลย